Wannapreneur : ได้แต่ฝันหวาน ได้แต่เพ้อครวญ
ใครฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการ แต่ยังกังวลไม่กล้าลงมือทำ นั่นแหละเขาอาจถูกเรียกว่า "Wannapreneur" ซึ่งเป็นคำแสลงติดตลกนิดๆ แต่แฝงนัยแอบแซะคนที่คุยโม้ไอเดียธุรกิจเลิศๆ ไว้พรึ่บ แต่ไม่เคยลงมือทำจริงจัง
Wannapreneur มักมีลักษณะเหล่านี้:
ไอเดียบรรเจิดล้นฟ้า แต่ไร้การลงมือ: พวกเขามีแผนธุรกิจสุดอลังการ แต่ขยับตัวสร้างมันขึ้นมากับมือก็ไม่ทำ
หลงใหลเสน่ห์ปลอมของการเป็นเจ้าของกิจการ: พวกเขาคลั่งไคล้ภาพลักษณ์การเป็นเจ้านายตัวเอง ร่ำรวยฟู่ฟ่า แต่กลับมองข้ามความยากลำบาก เบื้องหลังความสำเร็จ
ขาดทักษะความรู้ที่จำเป็น: พวกเขาอาจไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ด้านธุรกิจเลย และไม่ยอมทุ่มเทเวลาเรียนรู้
ท้อแท้ได้ง่าย: เจอปัญหาอุปสรรคเล็กน้อยก็ถอดใจ ยอมแพ้แทนที่จะหาทางแก้ไข
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ฝันอยากมีธุรกิจจะเป็น Wannapreneur เสมอไป บางคนแค่เตรียมตัวอย่างรอบคอบ ค่อยๆ พัฒนาไอเดีย สะสมทรัพยากร ก่อนลงสนามจริง
นี่คือสัญญาณว่าใครกำลังก้าวข้าม Wannapreneur สู่เส้นทางนักธุรกิจตัวจริง:
ลงมือจริงจังเปลี่ยนไอเดียเป็นรูปเป็นร่าง: พวกเขาเริ่มเขียนแผนธุรกิจ ทำวิจัยตลาด หรือพูดคุยกับนักลงทุน
ไม่หวั่นงานหนัก: พวกเขาพร้อมทุ่มเทเวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อปั้นธุรกิจให้เติบโต
เรียนรู้เติบโตไม่หยุด: พวกเขาหมั่นหาโอกาสพัฒนาตัวเอง เสริมทักษะความรู้
ยืดหยุ่น เข้มแข็ง: พวกเขาไม่กลัวล้ม ไม่ท้อถอย เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่
สุดท้ายแล้ว อะไรที่ตัดสินว่าใครเป็น Wannapreneur หรือผู้ประกอบการคือ "การลงมือทำ" หากใครจริงจังกับธุรกิจของตัวเอง สักวันหนึ่งคำพูดจะกลายเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้อย่างแน่นอน