Effectiveness vs Efficiency: the key differences
คล้าย ๆ แต่ไม่เหมือน หลาย ๆ คนที่ได้มีโอกาสในการอ่านหนังสือของ นักคิด ผู้นำ และนักกลยุทธ์ ในด้านตำราของ management ก็อาจจะผ่านตาคำว่า ประสิทธิภาพ (efficiency) และ ประสิทธิผล (effectiveness) กันมาบ้าง บางคนยังงง ๆ เอ๊ะมันคล้ายกัน บางคนก็เข้าใจ และบางคนก็นำไปใช้ในการทำงาน การทำงานหรือแม้แต่การดำเนินชีวิตให้มีเป้าหมาย กาาจะถึงเป้านั้น มีหลายปัจจัย แม้ว่าความฉลาด ความคิดสร้างสรรค์ และความขยันขันแข็งจะมีคุณค่า แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้รับประกันผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จเสมอไป
ข้อคิดต่อไปนี้นำเสนอแง่มุมต่างๆ ของ ประสิทธิผลและประสิทธิภาพ พร้อมคำแปลความหมายที่ลึกซึ้ง เพื่อช่วยให้คุณนำไปปรับใช้ในชีวิตและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผลต้องมาก่อน ประสิทธิภาพต้องตามมา
ปีเตอร์ ดรักเกอร์ บิดาแห่งการบริหารยุคใหม่กล่าวไว้ว่า:
"ไม่มีอะไรไร้ประโยชน์ไปกว่าการทำบางสิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่สิ่งนั้นไม่ควรถูกทำเลยตั้งแต่แรก"
นั้นจึงเป็นที่มาของการที่เราต้องทำความเข้าใจแนวคิดความแต่ต่างของ effectiveness vs efficiency
Get thing done : thing right or right thing
"get the right thing done" และ "get the thing done right" อ่านเผิน ๆ มันเหมือนกัน แต่แปลความดี ๆ มันต่างกัน
"Get the right thing done" → เน้นที่ ประสิทธิผล (Effectiveness)
หมายถึงการทำ สิ่งที่ถูกต้อง หรือเลือกทำงานที่มีความสำคัญและสร้างผลลัพธ์ที่แท้จริง
"Get the thing done right" → เน้นที่ ประสิทธิภาพ (Efficiency)
หมายถึงการทำ สิ่งนั้นให้ถูกต้อง หรือทำงานให้เสร็จอย่างมีคุณภาพและถูกต้องตามกระบวนการ
ทำไมประสิทธิผลจึงสำคัญในยุคเศรษฐกิจฐานความรู้
ในยุคอุตสาหกรรม ประสิทธิภาพ เป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จ—โรงงานที่สามารถผลิตสินค้าได้มากกว่าด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าจะได้เปรียบ อย่างไรก็ตาม ในยุค เศรษฐกิจฐานความรู้ ความแตกต่างของแต่ละบุคคลและองค์กรขึ้นอยู่กับ ประสิทธิผลมากกว่าประสิทธิภาพ
งานวิจัย: การบริหารเวลาในงานที่ใช้ความรู้
การศึกษาจาก Harvard Business Review ในปี 2013 พบว่า พนักงานที่ทำงานเชิงความรู้ (Knowledge Workers) ใช้เวลากว่า 41% ไปกับงานที่ไม่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น การประชุมที่ไม่จำเป็น อีเมลที่มากเกินไป และงานเอกสารที่ซ้ำซ้อน