surat tanprawate

View Original

การจัดสรรทรัพยากร ประเภทนวัตกรรม และ บทบาทของนักสร้างสรรค์

นวัตกรรมมันยากไหม มันยาก ยิ่งการสร้างนวัตกรรมองค์กรยิ่งยาก แต่หากสามารถสร้างระบบ จัดระเบียบ ให้ระบบ run ไปแล้ว เหมือนองค์กรติด turbo เลยทีเดียว มารู้จัก 3 ประเด็นสำคัญ ต้องรู้ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการนวัตกรรมในองค์กร คือ

  1. การจัดสรรทรัพยากร

  2. ประเภทของนวัตกรรม

  3. บทบาทของ "นักสร้างสรรค์" หรือผู้ผลักดันนวัตกรรมในธุรกิจ

1.การจัดสรรทรัพยากรในแต่ละด้านของธุรกิจ

ในเมื่อทรัพยากรเรามีจำกัด สิ่งสำคัญคือ เราควรให้ความสำคัญกับการจัดสรรทรัพยากรในแต่ละด้านอย่างไร แต่ในแต่ละธุรกิจ จะมีความต้องการและความรวดเร็วในการพัฒนานวัตกรรมไม่เท่ากัน

เราเห็นการเปรียบเทียบ การจัดสรรทรัพยากร ระหว่าง

  1. ธุรกิจแบบดั้งเดิม ที่มุ่งเน้นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป

  2. ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวนำ ซึ่งมักมุ่งเน้นการสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาด

ธุรกิจดั้งเดิม

  • 70% ใช้ไปกับนวัตกรรมแบบค่อยเป็นค่อยไป (Incremental Innovation):
    เช่น การพัฒนาเล็กๆ น้อยๆ ในสินค้าเดิม หรือปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น

    • 20% ใช้กับนวัตกรรมเชิงทำลายล้าง (Disruptive Innovation):
      เช่น การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยแก้ปัญหา

    • 10% ใช้กับนวัตกรรมเชิงปฏิวัติ (Radical Innovation):
      เช่น การสร้างสินค้าใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ธุรกิจเทคโนโลยี

  • 45% กับนวัตกรรมค่อยเป็นค่อยไป: แม้จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าเดิม แต่ใช้ทรัพยากรน้อยกว่าธุรกิจดั้งเดิม

  • 30% กับนวัตกรรมเชิงทำลายล้าง: มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงตลาด เช่น การเปิดตัวบริการใหม่

  • 25% กับนวัตกรรมเชิงปฏิวัติ: พวกเขาใช้ทรัพยากรอย่างจริงจังกับไอเดียใหม่ที่เสี่ยง แต่ให้ผลตอบแทนสูง

ตัวอย่างในชีวิตจริง

  • ธุรกิจดั้งเดิม: ร้านขายของชำในชุมชนที่เริ่มขายออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขาย

  • ธุรกิจเทคโนโลยี: บริษัทอย่าง Tesla ที่สร้างรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเปลี่ยนแปลงทั้งอุตสาหกรรม

สรุปง่ายๆ:
ธุรกิจดั้งเดิมมักมุ่งเน้น "ความมั่นคง" และ "ปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ" ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีมักจะ "เสี่ยง" มากขึ้นเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่มีผลกระทบใหญ่ในตลาด

2. ประเภทของนวัตกรรม: แบ่งง่ายๆ ออกเป็น 4 แบบ

ประเภทของนวัตกรรม ที่แตกต่างกัน เราวัดจาก ความซับซ้อน และ ผลกระทบในตลาด


  1. นวัตกรรมค่อยเป็นค่อยไป (Incremental Innovation)

    • เน้นการพัฒนาสิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น ปรับปรุงสินค้าเดิมให้ใช้งานง่ายขึ้น

    • ตัวอย่าง: การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชันมือถือ

  2. นวัตกรรมเชิงโครงสร้าง (Architectural Innovation)

    • การปรับเปลี่ยนระบบที่มีอยู่เพื่อเปิดโอกาสใหม่ๆ

    • ตัวอย่าง: การปรับเครือข่ายส่งสินค้าออนไลน์ของร้านค้า

  3. นวัตกรรมเชิงรบกวน (Disruptive Innovation)

    • การใช้เทคโนโลยีใหม่มาทำลายรูปแบบเดิมๆ ของตลาด

    • ตัวอย่าง: Uber ที่ทำให้การจองรถแท็กซี่เปลี่ยนไป

  4. นวัตกรรมเชิงปฏิวัติ (Radical Innovation)

    • การสร้างสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีในโลก เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    • ตัวอย่าง: การคิดค้นวัคซีน COVID-19 ในช่วงการระบาด

สรุปง่ายๆ:
นวัตกรรมแบบค่อยเป็นค่อยไปเหมาะกับการพัฒนาสินค้าที่เรามีอยู่ ส่วนแบบเชิงรบกวนและเชิงปฏิวัติช่วยเปิดตลาดใหม่ และสร้างผลกระทบใหญ่ในโลกธุรกิจ

3. บทบาทของ "นักสร้างสรรค์" ในธุรกิจ

บริษัทสามารถจัดกลุ่มผู้ที่ผลักดันนวัตกรรม (Innovators) ออกเป็น 4 แบบ โดยแบ่งตาม แหล่งทรัพยากร (ภายในหรือภายนอก) และ งบประมาณที่ใช้ (สูงหรือต่ำ):

  1. Hunters (นักล่านวัตกรรม)

    • ทำงานภายนอก เช่น หาพันธมิตรหรือการร่วมลงทุน

    • ตัวอย่าง: บริษัทที่ร่วมมือกับสตาร์ทอัพเพื่อสร้างไอเดียใหม่

  2. Builders (ผู้สร้างในองค์กร)

    • ทำงานภายใน เช่น ทีมงานในห้องวิจัยและพัฒนา (R&D)

    • ตัวอย่าง: Google ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในองค์กร

  3. Explorers (นักสำรวจ)

    • ทดลองสิ่งใหม่ๆ ผ่านความร่วมมือภายนอก เช่น การจัด Hackathon

    • ตัวอย่าง: ธนาคารที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาฟินเทค

  4. Experimenters (นักทดลอง)

    • ทดลองในองค์กรผ่านโครงการขนาดเล็ก เช่น การทดสอบสินค้าใหม่

    • ตัวอย่าง: บริษัทที่ใช้ทีมเล็กๆ ทดลองไอเดียก่อนเปิดตัว

ธุรกิจต้องสนับสนุนทั้งนักล่า (Hunter) และนักสร้าง (Builder) รวมถึงเปิดโอกาสให้นักสำรวจ (Explorer) และนักทดลอง (Experimenter) เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่เปิดรับนวัตกรรม

ตัวอย่างหลักฐานในโลกจริง

  1. Apple: ใช้ทีมภายใน (Builders) เพื่อพัฒนา iPhone แต่ก็ทำงานร่วมกับพันธมิตรภายนอก (Hunters) เพื่อผลิตชิ้นส่วนใหม่

  2. Netflix: จากการเริ่มต้นด้วยการให้เช่าแผ่น DVD (Incremental) ไปสู่นวัตกรรมเชิงรบกวน (Disruptive) อย่างการสตรีมมิ่ง

  3. SpaceX: ตัวอย่างของการลงทุนในนวัตกรรมเชิงปฏิวัติ (Radical) โดยการพัฒนายานอวกาศที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้

  • การจัดสรรทรัพยากรที่เหมาะสม: ธุรกิจควรหาจุดสมดุลระหว่างการพัฒนาสิ่งเดิมและการลงทุนในสิ่งใหม่

  • นวัตกรรมทุกประเภทสำคัญ: ตั้งแต่การพัฒนาง่ายๆ ไปจนถึงสิ่งที่เปลี่ยนโลก

  • นักสร้างสรรค์หลากหลายบทบาท: การสนับสนุนทั้งภายในและภายนอกช่วยให้นวัตกรรมเกิดได้ทุกระดับ