อีก 100 ปี ไม่มีใครอยู่ที่นี่ แต่โลกที่ยังคงดำเนินต่อไป
ความจริงอันเรียบง่าย อาจเต็มไปด้วยความสวยงามและความเจ็บปวดพร้อมๆ กัน
ในอีกหนึ่งศตวรรษข้างหน้า ทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในวันนี้จะจากไป ชื่อของเราอาจจางหาย เสียงของเราจะเงียบลง และเรื่องราวของเราจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ
แต่โลกจะยังคงดำเนินต่อไป—พระอาทิตย์จะยังขึ้น คลื่นจะยังซัดสาดเข้าหาฝั่ง ลมจะยังพัดผ่านราวกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หากชีวิตเราสั้นนัก อะไรคือสิ่งที่มีความหมาย? หรือสุดท้าย ความหมายของมันก็คือความไร้ความหมายนั่นแหละ ?
ประวัติศาสตร์คือสุสานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาณาจักร ผู้นำ และอารยธรรมที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่
ฟาโรห์แห่งอียิปต์สร้างพีระมิดเพื่อท้าทายกาลเวลา ทว่าวันนี้กลับกลายเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยว
นักปรัชญาแห่งกรีกและโรมันวางรากฐานให้กับความคิดสมัยใหม่ แต่พวกเขาเองก็กลายเป็นเพียงเถ้าธุลี
มหาเศรษฐี นักการเมือง และคนดังในปัจจุบัน ไม่ว่าอำนาจจะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมเดียวกันได้
ไม่ว่าคนจะแซ่ซ้อง หรือ กร่นด่า อีก 100 ปี เราก็ไม่ได้ยินเสียแล้ว
อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 73 ปี หากคุณกำลังอ่านบทความนี้ มีโอกาสสูงว่า ภายในปี 2125 คุณและทุกคนที่คุณรู้จักจะจากไป
แต่ในปี 2125
โลกจะยังหมุนอยู่ที่ความเร็ว 1,670 กม./ชม.
น้ำขึ้นน้ำลงจะยังดำเนินไปตามจังหวะของดวงจันทร์
ต้นไม้จะยังคงแกว่งไหวไปตามสายลม โดยไม่รับรู้เลยว่าเราเคยมีชีวิตอยู่
เราทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง: มรดก หรือเพียงแค่ฝุ่นผง?
บางคนบอกว่า สิ่งที่เราสรรค์สร้าง นั่นคือความหลาย เหมือนเราคือศิลปิน ที่จะมีความหมายเมื่อได้สะบัดฝีแปรงไว้บนโลก
”The meaning of life exist from what we do”
หากเป็นเช่นนั้น เป้าหมายของชีวิตอาจไม่ใช่การมีชีวิตอยู่ตลอดไป แต่คือการสร้างบางสิ่งที่คงอยู่
“มนุษย์มีความตายสองครั้ง: ครั้งแรกคือเมื่อเขาสิ้นลมหายใจ และครั้งที่สองคือเมื่อไม่มีใครเอ่ยถึงชื่อของเขาอีก” – ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
หรือ จริงๆ แล้วเราไม่ต้องค้นหาความหมายจอมปลอมอะไรนั่น ก็แค่ใช้ชีวิตและยอมรับความไร้ความหมายของชีวิต แค่นั้นเอง
อัลแบร์ กามูส์ (Albert Camus) เคยกล่าวว่า
“ชีวิตนั้นไร้ความหมาย—ยกเว้นความหมายที่เราสร้างขึ้นเอง”
ในหนังสือ The Myth of Sisyphus เขาเปรียบชีวิตเหมือนซิซิฟัส ผู้ต้องกลิ้งหินขึ้นเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีจุดหมาย และสุดท้ายหินก็กลิ้งลงมา แต่กามูส์กล่าวว่า เราควรยอมรับความไร้สาระนี้ และมีความสุขไปกับมัน
อย่างไรเสีย ทุกอย่างก็ต้องจบลง เราอาจไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตเพื่อ “ความหมาย” แต่เพื่อ ประสบการณ์—เพื่อช่วงเวลาที่เรามีอยู่ ณ ตอนนี้
หัวเราะกับเพื่อน
นั่งมองพระอาทิตย์ตก
ตกหลุมรัก
สร้างสรรค์โดยไม่ต้องการให้มันเป็นที่จดจำ
จักรวาลไม่เคยใส่ใจเรา—แต่บางทีเราอาจไม่ต้องการให้มันใส่ใจก็ได้
สิ่งเดียวที่มีความหมายคือปัจจุบัน
“เราไม่ได้จดจำวันเวลา เราจดจำเพียงช่วงเวลา” – เซซาเร ปาเวเซ (Cesare Pavese)
อจ. คิดอย่างไรหนะเหรอ
อยากทำอะไรก็ทำ จะมีใครจดจำหรือไม่ไม่เป็นไร ตราบใดที่ไม่เดือดร้อนตัวเองและมีประโยชน์กับโลกบ้าง ก่อนตายจะได้ระลึกสักเสี้ยววินาที ก็พอ
อจ สุรัตน์