Lyon : the City of Lion, and the Legacy of Lyon

Added on by Surattanprawate.

มา business exploring trip Lyon, France กับคณะ ExCham#2 ที่มาถึงเมื่อวานและวันนี้ก็เป็น Day 1 สำหรับ Business Trip เพื่อเรียนรู้

Lyon ลียอง เมืองที่มีสิงโตสีแดงเป็นตัวแทน เมื่อถามว่า Lyon มันแปลว่าสิงโตเหรอ หรือว่าเป็นแค่ชื่อเมืองแล้วมันแค่พ้องเสียงกับ Lion เท่านั้นก็ได้ความว่า Lyon เป็นนามสกุลที่มีต้นกำเนิดจากภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศส มักจะมีที่มาจากคำภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า "สิงโต" (le lion) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลังและความกล้าหาญ นอกจากนี้ ชื่อ “Lyon” เองก็กระตุ้นให้ระลึกถึงสิงโตผู้ยิ่งใหญ่ ในปี ค.ศ. 1269 ชาวชนชั้นกลางในลียง (Lyonnais bourgeoisie) ได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านนักบวช โดยได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศส (Louis VIII le Lion)

เมือง Lyon ขึ้นชื่อเรื่องความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ อาหาร gastronomy และผ้าไหม

ขอบคุณรูปสวยย ๆ จาก คุณพี่ Johny นะครับ น่าจะเป็นสิงโตที่ถ่ายจาก model ใน โรงแรม Mercure ของเรา

 

Boccard Company: A great industrial engineering solution from Lyon

ตอนเช้า ได้มีโอกาสไปฟัง session แรกเป็นบริษัท Boccard ที่ริเริ่มจากอุตสาหกรรมเล็ก ๆ และกว่า 100 ปีก็ก้าวเข้าสู่เป็นบริษัทที่สร้างอุตสากรรมเกี่ยวกับโรงงานการผลิตให้แก่บริษัทระดับโลกมากมาย

เริ่มด้วยการ present video ถึงการดำเนินงานที่ผ่านมา โดย Joseph Boccard เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Boccard ในปี ค.ศ. 1918 บริษัทเริ่มต้นในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านงานโลหะและวิศวกรรมอุตสาหกรรมในเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส จากนั้น ก็มีการผ่านมายังรู่น 2 รุ่น 3 และต่อมา ซึ่งผู้บรรยาย บอกว่า ได้ทำงานและพบกับทายาทรุ่น 3 และ ยังบอกอีกว่า นี่อุตสาหกรรมในครอบครัวอย่างแท้จริง

การเดินทางของ Boccard ได้ขยายขอบเขตการดำเนินงานสู่โครงการวิศวกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงาน น้ำมันและก๊าซ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเภสัชกรรมด้วย โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถออกแบบ สร้าง และดูแลโรงงานอุตสาหกรรมได้ครบวงจร สิ่งที่เห็นคือ กระบวนการสร้างผ่านการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญโครงสร้างและนำอุปกรณ์ต่าง ๆ มาประกอบกันจนเป็นโรงงานเรียกว่า ลูกค้าคือกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยที่เค้าเล่าว่า การขยายของเค้าคือ การเข้าไปคุยกับ บริษัทแม่ แล้วก็ไต่ขยายไปตาม branch ที่บริษัทแม่นั้นขยายไป ส่วนในทาง South East Asia นั่น เวียดนาม อินโนนีเซีย เป็นประเทศที่เค้าไป แต่ไม่มีไทยแฮะ

อุตสาหกรรม ที่ Boccard ได้ทำได้แก่ Boccard มีการดำเนินงานในหลายภาคส่วน โดยนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจร และจุดเด่น คือมี การ customize ให้ตรงรูปแบบของอุตสาหกรรมด้วย

  • พลังงาน: เชี่ยวชาญในพลังงานนิวเคลียร์ พลังงานหมุนเวียน และพลังงานแบบดั้งเดิม พร้อมบริการด้านวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง (EPC)

  • น้ำมันและก๊าซ: ให้บริการโซลูชันครบวงจรสำหรับการกลั่น ปิโตรเคมี และการผลิตพลังงาน

  • อาหารและเครื่องดื่ม: ออกแบบและสร้างโรงงานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

  • เภสัชกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ: พัฒนาโรงงานเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการผลิตยาและการวิจัย

  • การบำบัดน้ำและเคมีภัณฑ์: พัฒนาระบบการจัดการน้ำสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมและเทศบาล

จบ class ได้เรียนรู้อะไร คิดว่า 5 สิ่งนี้

  1. Make a difference จงขยายความเชี่ยวชาญ คือ Lyon เด่นด้านผ้าไหม และการอาหาร แต่ Boccard ก็ก้าวเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการออกแบบเครื่องจักรอุตสาหกรรมระดับโลกได้ อะไรก็ทำให้แตกต่างได้

  2. Strong Local Roots with Global Reach จากรากสู่โลก จากโลกสู่ราก แม้ว่า Boccard จะมีการดำเนินงานในกว่า 35 ประเทศทั่วโลก แต่บริษัทยังคงเชื่อมโยงกับรากฐานในเมืองลียง โดยใช้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางสำหรับพัฒนา

  3. Client centric approach ลูกค้าอยากได้แบบไหน customize ให้ได้ Boccard ให้ความสำคัญกับการมอบโซลูชันครบวงจรที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พลังงาน อาหาร และเภสัชกรรม ดังนั่น จึงทำให้ตอบโจทย์ได้ดีและยืดหยุ่น

  4. Adaptability and High standard ปรับตัวเพื่ออยู่รอด มาตรฐานสูงเพื่อความยั่งยืน ต้องบอกว่า การทำธุรกิจนี้ ใช้ความเชี่ยวชาญและมาตรฐานสูงมาก แต่ก็ยังสามารถปรับตัวขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่นได้ด้วยเรียกว่า คู่แข่งก็ต้องเหนื่อยหน่อย เพราะเจอกับช้างที่วิ่งเร็ว

หลังจากบรรยายจบ ก็ได้มีโอกาสไปเดินชมวิวเมืองนิดหน่อย มองวิวเมือง ก็น่าสนใจในการพัฒนาเมืองดี คุยกับ อจ.อ้วนว่า เมืองมันมี area ที่มีการพัฒนาเมืองใหม่ที่ยอมให้ตึกสูงขึ้นเป็นหย่อม และ Lyon มีแม่น้ำพาด 2 สาย และที่เรายืนนี้เป็นแขตเมืองเก่า มองเห็นขอบเขตการพัฒนาชัดเจนแยกย่านออกไป

ภาพวิวมุมบนที่ถ่ายจากเขา Fourvière Hill ที่เป็นจุดที่เห็นภาพวิวเมือง (18 Nov 2024, Excham Trip)

ในภาพ ที่ถ่ายไว้

1. Cathédrale Saint-Jean-Baptiste มหาวิหารโกธิกที่ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของลียง (Vieux Lyon) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12-15 เป็นสถานที่สำคัญทั้งทางศาสนาและประวัติศาสตร์ โดดเด่นด้วยหน้าต่างกระจกสีและนาฬิกาดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียง

2. Vieux Lyon (ย่านเมืองเก่า) อาคารหลังคาสีแดงที่หนาแน่นในส่วนนี้เป็นหนึ่งในย่านเรอเนสซองส์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ย่านนี้เคยเป็นศูนย์กลางการผลิตผ้าไหมในยุคเรอเนสซองส์และยังคงรักษาเสน่ห์ของถนนแคบ ๆ และสถาปัตยกรรมแบบยุคกลาง

3. Saône River และสะพาน แม่น้ำซอน (Saône) เป็นหนึ่งในแม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านลียง เชื่อมต่อเมืองด้วยสะพานหลายแห่ง เช่น สะพานคนเดินที่แสดงในภาพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์และการพัฒนาเมืองสมัยใหม่

4. Presqu'île District (ย่านเพรสกีล) พื้นที่ใจกลางเมืองระหว่างแม่น้ำซอนและแม่น้ำโรน (Rhône) เป็นที่ตั้งของอาคารสไตล์นีโอคลาสสิก ร้านค้า และโรงละคร เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของลียงที่พัฒนามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18-19

The Weight of Oneself, Lyon ถ่ายเมื่อม Nov 2024, Exclaim Trip

เมื่อเดินมาที่สะพานข้ามแม่น้ำ Saône River จะสะดุดรูปหั้นที่มีคนอุ้มคนที่หน้าตาเหมือนตัวเอง (คือจริง ๆ รูปปั้นมันก็หน้าตาเหมือนกันหมดอะนะ) ค้นข้อมูลพบว่า รูปปั้นที่มีชื่อว่า "The Weight of Oneself" (น้ำหนักของตัวเอง) ผลงานของศิลปิน Michael Elmgreen และ Ingar Dragset ที่ตั้งอยู่ในเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส รูปปั้นนี้แสดงให้เห็นชายคนหนึ่งที่อุ้มตัวเอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแบกรับน้ำหนักหรือภาระของตัวเอง สื่อถึงความสำคัญของการดูแลตัวเอง การพึ่งพาตัวเอง และความเปราะบางของมนุษย์ เป็นระดับ ปรัชญาเลยนะ คนเราในที่สุดแล้ว ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริง ๆ เกิดมาคนเดียว พึ่งตัวเอง และตายไปคนเดียวนั่นแหละ

Palais de Justice Historique de Lyon เวลาเดินข้ามสะพานมา ก็จะเจอตึกนี้

ก่อนจะข้ามสะพานเชื่อมไปยังเมืองใหม่ เราจะพบกับตึก Palais de Justice Historique de Lyon หรือที่รู้จักในชื่อ พระราชวังยุติธรรมแห่งลียง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส อาคารนีโอคลาสสิกที่โดดเด่นแห่งนี้มักถูกเรียกว่า "24 Columns" (24 เสา) เนื่องจากด้านหน้าที่งดงามซึ่งประกอบด้วยเสาแบบโครินเธียนจำนวน 24 ต้น ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Saône ใกล้กับเขต Vieux Lyon (ลียงเก่า) ซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์

เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในการตัดสินคดีความที่สำคัญคือ การตัดสินความผิดของนาซีเยอรมันนามว่า เคลาส์ บาร์บี้ (Klaus Barbie) หรือที่รู้จักในชื่อ “คนขายเนื้อแห่งลียง” (The Butcher of Lyon) เป็นหนึ่งในบุคคลที่น่ากลัวและโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในที่สุดเมื่อ WWII สิ้นสุดลง Klaus Barbie ผู้โหดร้ายถูกเปิดเผยและตัดสินจำคุกตลอดชีวิตและเค้าก็เสียชีวิตในคุกเป็นเวลาต่อมา

วันนี้เล่าให้ฟังเท่านี้ก่อน ยังมีเรื่องไปเยี่ยม Chamber of Commerce of Lyon อันน่าตื่นตาตื่นใจกับที่ตั้งในราชวังเก่าอีก

Trip นี้ มีแข่งเอาคะแนนด้วย #EXCHAMEXPLORE

Ex-Cham - Mission 1 : The beginning and the mission

Added on by Surattanprawate.

ผมเคยดูหนังการ์ตูนเรื่อง One piece คิดถึงโจรสลัดหมวกฟางกับผองเพื่อนที่ต้องลงเรือลำเดียวกัน ออกผจญภัยไปยังท้องทะเลกว้าง มันสนุกและตื่นเต้นจนอดคิดไม่ได้ว่า หากในชีวิตจริงจะมีเรือสักลำสำหรับตัวเอง ให้บรรดาเหล่าผู้กล้าหาญที่มีพลังวิเศษมาลงเรือผจญภัยร่วมกัน คงมีประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้และสนุกไม่น้อย

และนั่นก็ทำให้เข้าร่วมโปรแกรม Ex-Cham เป็นโปรแกรม Executive leadership ที่มีระดับ C-level มารวมกันเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่และเรียนรู้ร่วมกัน

จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ไม่รู้นะ แต่ผมมองเข็มกลัดที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้เข้าร่วมโปรแกรมนี้เป็นรูปกระโดงเรือ ใช่สิ คิดว่าต้องใช่แน่ ๆ ปกติผมเดาอะไร ไม่ค่อยผิดหรอกนะ หรือหากไม่ใช่ ก็อาจจะใกล้เคียง มันอาจเป็นเกลียวคลื่นที่พวกเรากำลังต้องฝ่าฟันก็เป็นได้และจากการสังเกตในแว้บแรก ผมก็เห็นผู้เข้าร่วมโครงการคนอื่นมีท่าไม้ตายส่วนตัวประจำเหมือนโจรสลัดกันทั้งนั้น

Ex-Cham Pin

เรือโจรสลัดแห่ง One Piece

เอาหละ จากนี้ไป ผมจะเรียกโปรแกรมนี้ว่าการผจญภัยก็แล้วกัน เพื่อให้มีอรรถรสหน่อย และ 13 คนที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ ก็คิดว่า น่าจะชอบผจญภัยเหมือนกัน

ได้คุยกับน้อง ๆ ก่อนเข้า introduction สู่การผจญภัยครั้งนี้ มีหลายคนก็รู้จักกันมาบ้าง แต่เมื่อเข้าร่วมบทนำ อจ.อ้วน ที่ปรึกษาโปรแกรมบอกว่า ต่อไปนี้ให้เรียกทุกคนว่า “พี่” เออแปลกดี ปกติเรียกตัวเองว่า อาจารย์ เรียกคนอื่นว่าน้อง แต่ อจ.อ้วนบอกว่า มันทำให้ทุกคนเสมอภาคกัน

Mission: จุดหมายและการค้นพบ

ใน introduction ของ program ได้มีการกำหนด mission ต่าง ๆ เพื่อผู้เข้าร่วมได้เข้าร่วมพร้อมกัน และมีการ dinner พูดคุย เมื่อจบ mission นั้น ๆ

และ mission แรก ของวันนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือ อจ อ้วนเอง ไม่สิ ต้องเรียก พี่อ้วน ที่เล่าประสบการณ์การบริหารจัดการองค์กรนวัตกรรมอย่าง STEP ตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่มีตึกเป็นของตัวเอง จนสร้างเป็น The Northern Science Park อันโด่งดัง

เอาว่า สรุป key สำคัญที่คิดว่า trigger ไปใช้งานได้ สัก 5 keys ละกัน

  1. Passion is a key คิดว่า การก่อกำเนิด เกิดจากการมี passion อันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเรียนอะไรมา เฉพาะทางอะไร background อย่างไหน หากมี passsion มันจะเหมือน fuel ในการผลักยานให้ขับเคลื่อนไปได้

  2. Dream work is Team work การหาทีมก่อตั้งที่ลงเรือลำเดียวกัน สำคัญมาก คนที่เริ่มต้นในการทำสิ่งที่ใหญ่ที่สุด คือคนที่ต้อง โน้มน้าวให้เห็นความฝันร่วมกันได้ และ founder STEP ได้ทำสิ่งนั้น

  3. If you need to go to the mountain, you need to build stepping stone การจะขึ้นไปยังภูเขาได้ ต้องก้าวและก่อสร้างด้วยหินทีละก้อนแล้วเดินไป คือ ทางข้างหน้ามัน uncertainty นะ แต่การก้าวทีละก้าว จะทำให้เห็น small win

  4. CEO is a DNA of organization หัวหน้าเป็นยังไง ทีมก็เป็นยังงั้นหนะแหละ ดังนั้น organization culture ที่ยิ่งใหญ่ CEO สำคัญ

  5. Agility - ready to change คือ เปลี่ยนตลอดเวลา ความล้มเหลวคือขนมหวาน กินแล้ว burn มันไปซะ ไม่อ้วนหรอก

Ok ตอนเย็นเราไปทานอาหารกัน

หัวค่ำร้านอาหาร เล เล ฟอง หน้าบ้านเราเลย มื้อนี้ ก็ทำการ แนะนำตัว มีฉายา ที่ให้แต่ละท่านเลือกมาตั้งแต่อยู่ใน class อืม บางคน ฉายาก็เอามาจากลักษณะตัวตน บางท่านก็จากสิ่งที่นึกออกตอนนั้น บางท่าน ไม่ว่างตั้งก็กลายเป็น ฉายา Unknown ฉายา ดีนะ มันบ่งบอก 2 แบบ คือ 1. คุณมองตัวเองอย่างไร 2. คนอื่นมองตัวคุณอย่างไร แล้วแต่ว่า ฉายานั้น คุณเอาจากที่คุณมองตัวเอง หรือ คนอื่นมองคุณ ส่วนผมนั้น อาจจะแปลกสักหน่อย เพราะใช้ “แมวดำ” ไม่มีอะไรมากคิดถึง แมวดำ blacky ที่เพิ่งถูกรถชนตายเมื่อวาน

ผู้เข้าร่วมผจญภัย มีตั้งแต่ introvert, extrovert แต่ผมคิดว่า หลาย ๆ คนเป็น ambivert เสียมากกว่า เป็น introvert ที่เข้าสังคม Ok อาจฟังดู weired หน่อย แต่ตัวเองก็เป็น

ในวงสนทนา Around the Table: The Missions, and The Persons

สมัยตั้งแต่อยู่อังกฤษแล้ว การสนทนาด้วยการยืนถือแก้วเบียร์ใน english pub แทบจะเป็น tradition ของการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองกับผองเพื่อน หรือ อาจารย์ ที่ไม่มีกรอบ ที่นี่ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน

ในบรรดา Mission ที่มีแขกรับเชิญ มีท่านนึงที่ จะมาพูดคุยให้ฟัง คือคุณ Jeep Kline อ้า คุณ Jeep Kline นี่ เคยได้ฟังทาง Podcast ของ Silicon Valley และ ทาง Thai Tech Startup ก็เคยเชิญมา Talk ที่ กทม แต่เราไม่มีโอกาสได้ไปฟังนะ

ประวัติย่นย่อ ของ Jeep Kline

Jeep Kline (จี๊ป ไคลน์) เป็นนักธุรกิจไทยที่มีประสบการณ์หลากหลายด้าน ทั้งเศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี และการลงทุนในธุรกิจร่วมทุน (Venture Capital) เธอเริ่มต้นศึกษาเศรษฐศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี 1997 ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเลือกเส้นทางอาชีพนี้ หลังจากจบการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา เธอทำงานที่ธนาคารโลก (The World Bank) และได้เดินทางไปยังตลาดเกิดใหม่หลายแห่ง เช่น แอฟริกา ยุโรปตะวันออก ลาตินอเมริกา และเอเชีย ทำให้เธอได้รับประสบการณ์ในด้านการจัดการเงินทุนขนาดใหญ่

เมื่อสังเกตเห็นการเติบโตของเทคโนโลยี จี๊ปจึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเข้าสู่วงการเทคโนโลยี โดยย้ายไปที่ซิลิคอนแวลลีย์และเข้าศึกษาต่อในระดับ MBA ที่ UC Berkeley หลังจากนั้นเธอเข้าร่วมงานกับบริษัท Intel และมีส่วนร่วมในการเปิดตัวแท็บเล็ตที่ใช้ระบบ Google เป็นหนึ่งในรุ่นแรกๆ ซึ่งได้วางจำหน่ายในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก หลังจากที่ประสบความสำเร็จในวงการเทคโนโลยี เธอได้หันมาทำงานด้านการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี และก่อตั้งกองทุนร่วมลงทุน Translational Partners ในซิลิคอนแวลลีย์ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในผู้ประกอบการที่มุ่งหวังที่จะเปลี่ยนอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลก ปัจจุบัน จี๊ป ไคลน์ ยังเป็นส่วนหนึ่งของ MrPink VC และเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนธุรกิจ Haas ของ UC Berkeley ซึ่งเธอสอนเกี่ยวกับการลงทุนร่วมทุนและการลงทุนที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม​

แต่เอาจริงๆ คือ สงสัย เราจะไม่ได้เข้าร่วมพบแฮะ เพราะว่า เหมือนวันนั้น ต้องไปประชุมที่ Spain นี่สิ เสียดายสุด

ส่วน Mission อื่น ๆ ที่น่าสนใจและทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมคือ การได้มาพบกับพี่เล้งในการใช้ทฤษฎี เต้า เต๋อ จิง ในการบริหารคน เพราะบังเอิญไปฟัง podcast ทีคุยใน the standard มาครับ เลยอยากเรียนรู้ เพราะเชื่อว่า นวัตกรรมสำเร็จ คือการบริหารคน เพราะคนนั้น สร้างนวัตกรรม ไว้คงจะได้เล่าให้ฟัง

วันนี้ เท่านี้ก่อน ไว้วันหลังมาเล่าให้ฟัง เพราะไวน์มื้อนี้ ทำเอารุ่งขึ้นมึนหัวครับ

#Excham #Exchamseason2 #exchamleader #Tobethergamechanger