#กับพี่ชบา วิ่งเช้าวันที่ 2 มค 68
มันเป็นเรื่อง กรอบความคิด (mindset) และ กรอบการทำงาน (framework)
สงสัยไหมว่า…
• ทำไมบางคนออกกำลังกายจนร่างกายแข็งแรง?
• ทำไมบางคนจัดการอารมณ์ได้ดี ไม่ว่าเผชิญปัญหาแค่ไหน?
• ทำไมบางคนร่ำรวย ทำอะไรก็สำเร็จ?
นั่นสินะ ทำไม?
มันไม่ได้มาจากโชคชะตา แต่เกิดจาก Mindset และ Framework ที่ช่วยให้พวกเขามีวิธีคิดและแนวทางการลงมือทำที่ชัดเจน
Mindset กรอบความคิด: รากฐานของความสำเร็จ
Mindset หรือกรอบความคิด คือความเชื่อและทัศนคติที่เรามีต่อตนเองและโลก มีงานวิจัยจาก Carol S. Dweck ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ศึกษาผลของ Fixed Mindset (กรอบความคิดแบบตายตัว) และ Growth Mindset (กรอบความคิดแบบเติบโต) พบว่า
ผู้ที่มี Growth Mindset เชื่อว่าความสามารถสามารถพัฒนาได้ผ่านการเรียนรู้และความพยายาม พวกเขาจะรับมือกับความล้มเหลวได้ดี และมองปัญหาเป็นโอกาสในการเรียนรู้ (Dweck, 2006)
ตัวอย่าง:
• ออกกำลังกายจนแข็งแรง: คนที่มี Growth Mindset มองว่าความแข็งแรงเป็นผลจากการฝึกฝน ไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด พวกเขาจึงลงมือทำทีละน้อยและพัฒนาต่อเนื่อง
มี Quote นึงที่ชอบ
Carol S. Dweck ผู้เขียนหนังสือ Mindset: The New Psychology of Success กล่าวไว้ว่า
“The view you adopt for yourself profoundly affects the way you lead your life.”
(มุมมองที่คุณมีต่อตัวเองส่งผลลึกซึ้งต่อวิธีการใช้ชีวิตของคุณ)
Framework กรอบกาคทำงาน: วิธีการทำให้สำเร็จ
Framework หรือโครงสร้างการทำงาน คือแผนหรือระบบที่ช่วยเปลี่ยนความตั้งใจเป็นการกระทำ งานวิจัยพบว่า คนที่ใช้ Framework ชัดเจนมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะพวกเขามีขั้นตอนและเป้าหมายที่วัดผลได้
ตัวอย่าง Framework ที่มีประสิทธิภาพ:
1. SMART Goals Framework
Framework นี้ช่วยตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจน:
• Specific (ชัดเจน): เป้าหมายต้องระบุได้ เช่น “ลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม”
• Measurable (วัดผลได้): เช่น ชั่งน้ำหนักทุกสัปดาห์
• Achievable (ทำได้จริง): ตั้งเป้าหมายที่ไม่เกินความสามารถ
• Relevant (เกี่ยวข้อง): สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิต เช่น “ลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดี”
• Time-bound (มีกำหนดเวลา): เช่น “บรรลุเป้าหมายใน 3 เดือน”
2. ABC Model
Framework นี้มาจาก Cognitive Behavioral Therapy (CBT) ช่วยจัดการอารมณ์:
• A (Activating Event): ระบุเหตุการณ์ที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น การทะเลาะกับเพื่อน
• B (Beliefs): ระบุความคิดหรือความเชื่อ เช่น “เขาไม่ให้เกียรติเรา”
• C (Consequences): ระบุผลลัพธ์ เช่น ความโกรธและการตอบสนอง
งานวิจัยจาก Cognitive Therapy and Research พบว่า การใช้ ABC Model สามารถลดความเครียดและพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ (Ellis & Dryden, 1997)
ตัวอย่าง: Mindset + Framework ในชีวิตจริง
1. ออกกำลังกายจนแข็งแรง:
• Mindset: เชื่อว่าการออกกำลังกายคือการลงทุนในสุขภาพ ไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก
• Framework: ใช้ SMART Goals เช่น เดินวันละ 30 นาที และเพิ่มขึ้นทีละ 5 นาทีทุกสัปดาห์
2. จัดการอารมณ์:
• Mindset: มองว่าความโกรธเป็นสิ่งที่จัดการได้
• Framework: ใช้ ABC Model ในการวิเคราะห์เหตุการณ์ และหาวิธีตอบสนองเชิงบวก
How to: เริ่มต้นเปลี่ยน Mindset และใช้ Framework
1. ปรับ Mindset ของคุณ:
• ฝึกมองความล้มเหลวเป็นบทเรียน เช่น ถ้าล้มเหลวในการตั้งเป้าหมาย ให้ถามตัวเองว่า “ฉันเรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้?”
2. ใช้ Framework ชัดเจน:
• ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ก่อน เช่น ออกกำลังกาย 10 นาทีต่อวัน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
• วางแผนเป็นขั้นตอน เช่น ใช้ SMART Goals
3. วัดผลและปรับปรุง:
• บันทึกความก้าวหน้า เช่น บันทึกการออกกำลังกายหรืออารมณ์ในแต่ละวัน
• ถ้า Framework ที่ใช้อยู่ไม่ได้ผล ให้ปรับเปลี่ยน เช่น ลดเป้าหมายให้เล็กลงเพื่อเริ่มใหม่
อจ. สรุปไว้ ง่ายๆ แบบนี้นะ
Mindset เป็นรากฐานของการพัฒนา ส่วน Framework คือเครื่องมือที่ช่วยให้การลงมือทำสำเร็จ
ดังนั้น หากเรามี Mindset ที่เหมาะสมและ Framework ที่ชัดเจน เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้เหมือนกับคนที่เราชื่นชม
- อจ สุรัตน์
ปล คือ ชบามันเดินตามตลอดเลย มานั่งอุ้มมันไว้ ท่าจะคิดถึงคน ปิดปีใหม่หลายวัน