วันนี้มีโอกาสได้ไปร่วมงาน CMU LeX Camp 2025: Sustainable Innovation ที่จัดโดยน้อง ๆ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU) ร่วมกับ Singapore Polytechnic ต้องขอบคุณ อาจารย์ภูวา ที่ชวนไปร่วมฟัง Industrial Talk สุดพิเศษครั้งนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์และไอเดียใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้น ได้มีโอกาสพูดคุยและแชร์เวทีกับ คุณแป๊ง จาก Dao Gift ซึ่งเป็น Social Enterprise ที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะเขาไม่ใช่แค่ทำธุรกิจ แต่ยังมุ่งแก้ปัญหาสังคมผ่านแนวคิดที่ยั่งยืน ฟังแล้วรู้สึกได้ถึง passion และความตั้งใจจริง ๆ
งาน LeX Camp ครั้งนี้มีจุดเด่นที่ทำให้มันไม่เหมือนแคมป์ทั่วไปเลย สิ่งที่สะดุดใจคือ:
• การเรียนรู้ผ่านการลงพื้นที่ (Experiential Learning): ไม่ใช่แค่นั่งฟังในห้อง แต่ได้ออกไปสัมผัสปัญหาจริง ๆ ในชุมชน ลงมือทำจริง เห็นจริง
• การแก้ปัญหาสังคมด้วย Design Thinking: ใช้กระบวนการคิดแบบออกแบบที่ทั้งสร้างสรรค์และเป็นระบบ เพื่อหาคำตอบที่ตอบโจทย์ชุมชน
• การทำงานร่วมกันแบบนานาชาติ (Cross-Cultural Collaboration): ได้เห็นมุมมองหลากหลายจากเพื่อน ๆ ต่างชาติ อย่าง Singapore Polytechnic เปิดโลกสุด ๆ
• สร้างแนวคิด Social Enterprise จากปัญหาชุมชน: เปลี่ยน pain point ให้กลายเป็นโอกาส สร้างธุรกิจที่ทั้งได้กำไรและคืนประโยชน์ให้สังคม
ในช่วง Interactive Session 2 ชั่วโมงเต็ม บอกเลยว่าไม่น่าเบื่อเลย เพราะมีคำถามเจาะลึกจากน้อง ๆ และคำตอบที่ชวนให้คิดตามเยอะมาก มาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง:
🙋♂️ สร้าง motivation ยังไงให้อยู่กับเราไปนาน ๆ?คำตอบที่ได้นี่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง:
1. หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอ - มันเหมือนเข็มทิศ ถ้ารู้ว่าตัวเองอยากไปไหน การเดินทางจะมีพลังขึ้นทันที แล้วค่อย ๆ ก้าวไปตามนั้น ไม่ต้องรีบ แต่ต้องชัด
2. หาแรงบันดาลใจจากไอดอลหรือคำพูดดี ๆ - บางทีแค่ประโยคเดียว เช่น “ถ้าไม่เริ่มวันนี้ แล้วจะเริ่มวันไหน” ก็จุดไฟในใจให้ลุกโชนได้เลย
ลองนึกภาพตามนะ ถ้าเรามีเป้าหมายเป็นไฟนำทาง และมีคำพูดดี ๆ เป็นเชื้อเพลิง ชีวิตเราจะมีพลังแค่ไหน!
🙋♂️ ทำนวัตกรรมให้ยั่งยืน (Sustainable) ได้ยังไง?ที่นี่เขาให้มุมมองว่า Sustainability ไม่ใช่แค่คำสวย ๆ แต่ต้องมีระบบรองรับ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน:
• Innovation System: ระบบที่ทำให้ไอเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้ต่อเนื่อง
• Business System: ระบบที่ทำให้มันอยู่รอดในเชิงธุรกิจได้จริง
• Social Sustainability System: ระบบที่คอยดูแลว่า สิ่งที่เราทำจะส่งผลดีต่อสังคมในระยะยาว
เหมือนการปลูกต้นไม้เลย ถ้าอยากให้มันโตและอยู่ได้นาน ต้องมีทั้งดินดี น้ำดี และแสงแดดที่เหมาะสม ไม่งั้นมันก็แค่ต้นไม้ชั่วคราว
🙋♂️ อะไรคือสิ่งที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมในมุมมองของอาจารย์?คำตอบคือ Community and Connection - การเชื่อมโยงกันระหว่างคนในชุมชนนี่แหละคือหัวใจสำคัญ เพราะนวัตกรรมที่ดีไม่ได้เกิดจากคน ๆ เดียว แต่มันเกิดจากการที่เราคุยกัน ระดมสมอง และช่วยกันแก้ pain point ของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นชุมชน ลูกค้า หรือแม้แต่ตัวเราเอง
ลองนึกถึงการต่อจิ๊กซอว์ ถ้าทุกชิ้นเชื่อมกันได้ลงตัว ภาพใหญ่ที่ออกมาก็จะสวยงามและสมบูรณ์
🙋♂️ เริ่มลงมือทำยังไงให้สำเร็จ?คำแนะนำคือ ลงมือเลย อย่ารอให้พร้อม - เริ่มจากเล็ก ๆ ก่อน แล้วปล่อยให้กระบวนการมันค่อย ๆ ถูกปรับแต่งไปตามทาง แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีทีม เพราะไม่มีใครเก่งทุกอย่าง ทีมที่ดีเหมือนเกราะป้องกันและเครื่องขยายพลัง ช่วยให้เราไปได้ไกลกว่าที่คิด
เหมือนการเริ่มวิ่งมาราธอนน่ะ ไม่ต้องรีบสปรินต์ตั้งแต่ต้น แค่เริ่มก้าว แล้วหาเพื่อนร่วมทางดี ๆ สักคน สุดท้ายก็ถึงเส้นชัยได้
🙋♂️ ความท้าทายหลัก ๆ ที่เจอมีอะไรบ้าง?เขามองว่ามันมี 3 ระดับที่เราต้องเผชิญ:
1. World Level: โลกหมุนเร็วเหลือเกิน มีอะไรมาทำให้เราสะดุดได้ตลอด (Disrupt the Disruptor) ต้องตื่นตัว หูไวตาไว ตามให้ทัน
2. Business Level: การแข่งขันที่แท้จริงคือแข่งกับตัวเอง ต้องหา “น่านน้ำใหม่” อยู่เสมอ ความสำเร็จของเมื่อวานอาจไม่ใช่สูตรสำเร็จของวันนี้ ทุกผลิตภัณฑ์ ทุกธุรกิจ มีกุญแจของมันเอง
3. Personal Level: ท้าทายที่สุดคือตัวเราเอง อย่างที่ Peter Drucker เขียนไว้ใน Managing Oneself ว่าเราต้องรู้จักจัดการตัวเองให้ดี ทั้งชีวิตส่วนตัวและวิธีคิด ต้องหาจุดสมดุลให้เจอ
เหมือนการต่อสู้ 3 ด่านเลยเนาะ ด่านแรกคือโลกภายนอก ด่านสองคือธุรกิจ และด่านสุดท้ายคือใจเราเอง ถ้าผ่านทั้งหมดนี้ได้ นวัตกรรมที่เราทำก็จะยิ่งแข็งแกร่ง
2 ชั่วโมงในงานนี้ บอกเลยว่าได้อะไรกลับมาเต็มกระเป๋า ทั้งแรงบันดาลใจ ไอเดีย และมุมมองใหม่ ๆ ที่เอาไปใช้ได้จริง ใครที่สนใจเรื่องนวัตกรรมหรืออยากทำอะไรเพื่อสังคม ลองหาโอกาสมาร่วมงานแบบนี้ดูนะ ไม่ผิดหวังแน่นอน!